งูสวัดในผู้สูงอายุ: ภัยเงียบที่ต้องใส่ใจ โดย พญ.นิอร บุญเผื่อน ลัลลลิตาคลินิก
โรคงูสวัด (Herpes Zoster หรือ Shingles) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus) ซึ่งเป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส หลายคนอาจคิดว่าโรคงูสวัดเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้จริงแล้วเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่ภูมิคุ้มกันร่างกายเริ่มอ่อนแอลง ทำให้เชื้อไวรัสที่แฝงตัวอยู่ในร่างกายมานานสามารถกำเริบขึ้นมาได้อีกครั้ง พญ.นิอร บุญเผื่อน จากลัลลลิตาคลินิก จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับโรคงูสวัดในผู้สูงอายุ เพื่อให้ทุกคนรู้จัก ป้องกัน และดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธี
ทำไมผู้สูงอายุถึงเสี่ยงเป็นงูสวัด?
หลังจากที่เราเคยเป็นโรคอีสุกอีใสเมื่อวัยเด็ก เชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ จะไม่ได้หายไปไหน แต่จะหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทของร่างกาย เมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง เช่น อายุมากขึ้น, มีภาวะเครียด, พักผ่อนไม่เพียงพอ, รับประทานอาหารไม่ครบถ้วน, หรือมีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน (เช่น เบาหวาน, มะเร็ง, ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน) เชื้อไวรัสจะฉวยโอกาสนี้กำเริบขึ้นมา ทำให้เกิดเป็นโรคงูสวัดขึ้นมาได้นั่นเอง
อาการของโรคงูสวัดในผู้สูงอายุ
อาการของงูสวัดในผู้สูงอายุ มักจะมีความรุนแรงและยาวนานกว่าคนหนุ่มสาว โดยมีลักษณะอาการดังนี้:
* อาการนำ: ผู้ป่วยอาจรู้สึกปวดแสบปวดร้อน คัน หรือเจ็บจี๊ดๆ บริเวณผิวหนังเฉพาะที่ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หลายวันก่อนที่จะมีผื่นขึ้น
* ผื่นและตุ่มน้ำ: หลังจากอาการนำ 2-3 วัน จะเริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามแนวเส้นประสาทที่เชื้อไวรัสอาศัยอยู่ โดยมักจะเป็นผื่นเพียงซีกเดียวของร่างกาย ไม่ข้ามแนวกึ่งกลางลำตัว จากนั้นผื่นจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ ซึ่งอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ และเรียงตัวเป็นกลุ่ม
* ปวดรุนแรง: อาการปวดมักเป็นลักษณะปวดแสบปวดร้อน ปวดแปลบๆ หรือปวดเหมือนถูกไฟช็อต ความรุนแรงของอาการปวดในผู้สูงอายุอาจรุนแรงมากจนส่งผลกระทบต่อการนอนหลับและการใช้ชีวิตประจำวัน
* อาการอื่นๆ: อาจมีไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หรือต่อมน้ำเหลืองโตได้
ภาวะแทรกซ้อนที่น่ากังวลในผู้สูงอายุ
สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นงูสวัดคือ ภาวะแทรกซ้อน ซึ่งอาจรุนแรงและเรื้อรังได้:
* อาการปวดปลายประสาทหลังเป็นงูสวัด: เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยและสร้างความทุกข์ทรมานอย่างมาก โดยอาการปวดแสบปวดร้อนจะยังคงอยู่แม้ว่าผื่นจะหายไปแล้ว ซึ่งอาจนานเป็นเดือน เป็นปี หรือแม้กระทั่งตลอดชีวิต ภาวะนี้พบได้บ่อยและรุนแรงขึ้นในผู้สูงอายุ
* การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน: ตุ่มน้ำอาจแตกและเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน ทำให้เกิดแผลพุพองและมีหนองตามมาได้
* งูสวัดขึ้นตา: หากงูสวัดเกิดบริเวณใบหน้าใกล้ดวงตา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงต่อดวงตา เช่น กระจกตาอักเสบ สูญเสียการมองเห็น หรือตาบอดได้
* งูสวัดขึ้นสมองหรือระบบประสาท: ในกรณีที่รุนแรงมาก เชื้อไวรัสอาจลามเข้าสู่สมองหรือระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดภาวะสมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้
การรักษาโรคงูสวัดในผู้สูงอายุ
การรักษาโรคงูสวัดในผู้สูงอายุ เน้นที่การลดความรุนแรงของโรค ลดอาการปวด และป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะอาการปวดปลายประสาท:
* ยาต้านไวรัส: การให้ยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir, Valacyclovir, Famciclovir ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังจากมีอาการ จะช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อ ลดความรุนแรงของผื่น และลดความเสี่ยงของการเกิด PHN ได้อย่างมีนัยสำคัญ
* ยาแก้ปวด: แพทย์จะพิจารณาให้ยาแก้ปวดตามความรุนแรงของอาการ ตั้งแต่ยาแก้ปวดทั่วไป ไปจนถึงยาแก้ปวดชนิดรุนแรง หรือยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทเพื่อลดอาการปวดปลายประสาท
* ยาบรรเทาอาการคัน: ยาทาหรือยารับประทานเพื่อลดอาการคันและลดการระคายเคือง
* การดูแลแผล: รักษาความสะอาดของแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
การป้องกันโรคงูสวัดในผู้สูงอายุ
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคงูสวัด คือ การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ:
* ฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด: ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดที่แนะนำให้ฉีดในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ไม่ว่าเคยเป็นอีสุกอีใสหรือไม่งูสวัดมาก่อนก็ตาม วัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค และลดความรุนแรงของอาการ รวมถึงลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะอาการปวดปลายประสาท ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรปรึกษาแพทย์ พญ.นิอร บุญเผื่อน ที่ลัลลลิตาคลินิก เพื่อขอคำแนะนำเรื่องวัคซีนที่เหมาะสม
* ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง:
* พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
* รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผัก ผลไม้ และอาหารครบ 5 หมู่
* ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น
* จัดการความเครียด: หาทางผ่อนคลายความเครียด เช่น ทำกิจกรรมที่ชอบ ฝึกโยคะ หรือทำสมาธิ
บทสรุป
โรคงูสวัดเป็นโรคที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก ด้วยอาการปวดที่รุนแรงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ การรู้จักโรค การสังเกตอาการ และการเข้ารับการรักษาที่รวดเร็วจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนและดูแลสุขภาพให้แข็งแรง จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปราศจากความทรมานจากโรคงูสวัด หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับโรคงูสวัดในผู้สูงอายุ สามารถติดต่อ พญ.นิอร บุญเผื่อน ที่ ลัลลลิตาคลินิก เพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม
ติดต่อเราเพื่อนัดหมายปรึกษา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
เบอร์โทรศัพท์ 0863534562
Line ID: @lullalitaclinic หรือ https://lin.ee/TCLyHP1
Facebook Page: Lullalita Clinic หรือ https://www.facebook.com/lullalitaclinic/
แผนที่ https://maps.app.goo.gl/N3ukWTtRxUjDHu1e8